วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554

นักคิดนักเขียน

          เคยสงสัยกันมั๊ยครับ ว่าทำไมเมื่อประมาณ 2500 ปีที่แล้วได้ผุดกำเนิด
 นักปราชญ์ นักปรัชญา ขึ้นมาทั่วทุกมุมโลกหลายคน เช่น  โสเครติส อริสโตเติล
 ขงจือ พระพุทธเจ้า...   แน่นอนครับว่าสิ่งนี้ต้องมีสาเหตุ และสาเหตุนั้นก็คือ


          การเกิดขึ้นของวัฒนธรรมการเขียน


          แรกเริ่มเดิมที คนเราใช้ภาษาพูดในการสื่อสารถึงกันเป็นหลักจนเมื่อเกิดการเขียน
ทำให้เราสามารถ "สถิตความคิด" ของตนเอง จากแต่เดิมที่ฟุ้งกระจายและสูญหายไป
กับการคิดในใจ เมื่อมันถูก ทำให้สถิตเป็นตัวอักษรบนกระดาษ เราสามารถย้อนกลับไปอ่าน
สิ่งที่ตนเองคิดและเขียน ทำให้เข้าใจตนเองว่าเราคือใคร การเขียนจึงเป็นกระจกสะท้อน
ที่ทำให้คนเรา สามารถตระหนักรู้ ถึงการดำรงอยู่ของตนเองบนโลก

           และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของศาสนาและปรัชญาทั้งหลายในทั่วทุกมุมโลก


          ผมเชื่อว่า คนที่ชอบเขียนอยู่แล้วน่าเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ การเขียนช่วยทำให้
ตระหนักรู้ถึงการดำรงอยู่ของตนเอง และเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเอง

          บางครั้งผมเคยกลับไปอ่านในสิ่งที่ตัวเองเคยเขียนไว้ แล้วก็ต้องแปลกใจว่า
ทำไมตอนนั้นผมถึงรู้สึกแบบนั้นคิดแบบนั้น แต่ความคิดและความรู้สึกในปัจจุบันกลับ
เปลี่ยนไปอีกแบบนึง ซึ่งปรากฏการณ์แบบนี้แหละ ทำให้ผมเข้าถึงตัวเองทำให้ผมได้
ยิ่งมองเห็นตัวผม ได้รู้ว่าเคยคิดอะไร กำลังคิดอะไรและเผื่อว่าจะคิดอะไรต่อไปได้อีก
ซึ่งทั้งหมดนี้มันสำคัญมากต่อการมีชีวิตอยู่

          การเขียนจึงเป็นเครื่องมือในการทบทวนตัวตนของเรา เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้
ทำไม ภาระกิจของเราคืออะไร เราได้เรียนรู้อะไรมาแล้วบ้าง การเขียนจะช่วยให้เรา
ตกผลึกทางความคิด



          เราทุกคนสามารถเขียนได้ครับ คนส่วนใหญ่มักถูกหลอกให้หลงเชื่อว่า การเขียน
เป็นกิจกรรมได้เฉพาะคนบางพวกเช่น นักวิชาการ คอลัมนิสต์ คนจบดอกเตอร์

          แต่จริง ๆ แล้วเราทุกคนมีความสามารถในการคิดและเขียนได้เหมือนกันหมด
เพียงแต่เราถูกพรากความสามารถนี้ไปโดยระบบการศึกษา ที่สั่งให้เรากากบาทเลือก
คำตอบในกระดาษข้อสอบ

          เมื่อไม่ได้เขียน ก็ยากที่เราจะสถิตความคิด เมื่อไม่ได้สถิตความคิด เราก็เลย
พาลคิดไปว่าตัวเองไม่ได้คิด หรือคิดไม่ได้ แบบพวกที่ถูกระบุตัวไว้แล้วว่าเป็น"นักคิด"



          จริงๆ ตั้งใจผมจะเขียนบ่อย ๆ แต่ก็มัวคิดว่า จะเขียนออกมาให้เพอเฟค คิดแบบนี้
ก็เลยทำให้เขียนออกมาไม่ได้ซักที  จริงๆ แล้วผมก็ไม่เคยมีความฝันจะเป็นนักเขียนอยู่
ในกมลความคิดเลย แล้วผมจะมาแคร์ไปทำไมล่ะถ้าเขียนออกมาไม่ดี จริงอยู่ที่ข้อเขียน
ของผม คงไม่ได้แหลมคมเหมือนพวกนักเขียนรุ่นใหญ่ตามคอลัมนิส

          แต่ผมเชื่อว่า คนที่ลุกขึ้นมาเขียน ก็นับว่าเป็นคนมีความคิดแล้วล่ะ และไม่มีข้อเขียน
ของใครหลอกที่เลวร้าย โง่งม ตื้นเขิน ผมเชื่อเช่นนั้น

          เพราะฉะนั้น การเขียนจึงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็เขียนได้ครับ เราทุกคนควรจะมีโอกาส
ได้สถิตความคิดของตนเองเป็นประจำ ขอเพียงเขียนให้ดี เขียนในสิ่งที่มีประโยชน์
ต่อตนเองและผู้อ่าน



          จากนี้ไปผมจะขอใช้พื้นที่ของบล็อกนี้ เป็นที่สถิตความคิดของตัวเองไม่ได้เพื่อ
ต้องการให้ใครมาบอกว่าผมเป็น"นักคิดนักเขียน" แต่เพื่อให้การเขียนนั้นสะท้อนให้มอง
เห็นตนเอง  ตระหนักรู้ถึงการดำรงอยู่ของตัวเองบนโลกใบนี้

          แน่นอนว่าเมื่อผมเขียนตัวผมเองต้องได้ประโยชน์เป็นคนแรก แต่ถ้าข้อเขียน
ของผม ทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์ไปด้วย ผมจะดีใจมาก ๆ เลยครับ


....................................................................................................................................
อ้างอิง
- หนังสือ สุนทรียะแห่งความเหงา วุฒิชัย กฤษณะประการกิจ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

เกริ่นนำ



ในช่วง 2-3ปีที่ผ่านมา ผมอ่านหนังสือค่อนข้างเยอะครับ ผมได้เรียนรู้จักชีวิตในมิติอื่น ๆ
ผ่านทางการอ่านนวนิยาย ได้อ่านบทความดี ๆ ได้อ่านหนังสือแนวให้ข้อคิดสร้างแรงบันดาลใจ


หลายครั้งที่ผมได้อ่านเจอแนวคิดที่ "โดน" มาก  ประโยคที่มีพลังสามารถเปลี่ยนชีวิตผมได้ 
มันเป็นเหมือนการอัฟเกรดLelelความคิดของตัวเองขึ้นมา ซึ่งรู้สึกเสียดายครับ
เสียดายที่ทำไมเราไม่เจอหนังสือเล่มนี้ ซัก 10-20ปีที่แล้ว 


เพื่อน ๆ เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กันบ้างมั๊ยครับ  สำหรับผมความรู้สึกแบบนี้เกิดกับผมบ่อยมากครับ 
และทุกครั้งก็อยากแชร์สิ่งดีนี้ให้คนอื่นได้รับบ้าง ไม่อยากเก็บสิ่งดีนี้ไว้กับตัวคนเดียว
แต่ก็มีข้อจำกัดครับ การจะเอาหนังสือหนาๆไปให้คนอื่นอ่านนั้น บางคนก็ไม่มีเวลา บางคนก็ไม่ได้ชอบอ่านหนังสืออยู่เป็นทุนเดิม


สิ่งนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสร้างบล็อกนี้ขึ้นมาครับ อยากจะแบ่งปันสิ่งดีในสิ่งที่ผมรับรู้มา
ไม่อยากให้ดูเป็นทางการนะครับ อยากให้เหมือนมาเล่าสู่กันฟังมากกว่า ไม่เพียงแค่เรื่องของหนังสือ 
บางทีอาจจะได้ข้อคิดดี ๆ จากการดูหนังบางเรื่อง หรือการได้ไปฟังสิ่งดีจากคนบางคน ก็จะเอามาเล่าสู่กันฟังนะครับ 




จะพยายามอัฟบล็อกบ่อย ๆ นะครับ 
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ